topbella

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โรคภูมิแพ้



โรคภูมิแพ้ต้องแก้ที่สาเหตุ
  สาเหตุของโรคภูมิแพ้
     เป็น เพราะว่าระบบภูมิคุ้มกันมีปฎิกิริยาที่ไวเกินไปในการตอบสนองสิ่งแปลกปลอมแบบ ผิดปกติ ทั้งๆที่สิ่งแปลกปลอมนั้นไม่มีอันตรายกับร่างกาย แต่เป็นความเข้าใจผิดของร่างกายที่คิดว่าสิ่งแปลกปลอมบางอย่างเป็นอันตราย จึงมีปฎิกิริยาตอบสนอง โดยการผลิตสารภูมิต้านทานขึ้นเพื่อกำจัดและทำลายสิ่งแปลกปลอมนั้น และแทนที่สารภูมิต้านทานที่ร่างกายผลิตขึ้นจะเป็นเครื่องปกป้องร่างกาย กลับกลายเป็นว่ามันเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเจ็บปวดเสียเอง จึงทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ไข้ละอองฟาง

อาการของโรคภูมิแพ้
     ปฎิกิริยาภูมแพ้จากสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนนั้นจะแสดงอาการต่างกันไป แม้แต่สารชนิดเดียวกันก็ตาม เช่น การเกิดอาการแบบเฉียบพลัน คือ แพ้ละอองเกสรดอกไม้ ทำให้หายใจไม่สะดวก น้ำมูกไหล หรือคันตา ตาแดง หากแพ้อาหารก็อาจจะอาเจียน มีผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง มีอาการหืด ผิวหนังอักเสบ หรือเกิดอาการช๊อค ส่วนอาการที่ไม่เฉียบพลัน คือ แพ้เครื่องประดับที่เป็นนิเกิล หรือกาวลาเท็กซ์ เมื่อเกิดอาการแพ้ผิวหนังจะอักเสบ

การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้
     เมื่อไม่รู้สาเหตุของการแพ้ควรไปปรึกษาแพทย์ แพทย์จะสอบถามและทดสอบด้วยปลาสเตอร์บนหลัง และตรวจเลือด หรือใช้วิธีเทสต์ด้วยการสะกิดผิวหนังให้เป็นแผลเล็กๆ แล้วหยดน้ำยาที่มีสารต้องสงสัยว่าจะทำให้เกิดปฎิกิริยาภูมิแพ้ลงไป เมื่อหาสาเหตุของภูมิแพ้ได้ เราก็ควรจะหลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้ หากเป็นโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากการสัมผัสก็ไม่น่ามีปัญหา

 วิธีป้องกันโรคภูมิแพ้
 - ที่สำคัญก็คือต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับให้เพียงพอ ไม่เครียด หลีกเลี่ยงสารพิษและพยายามมองโลกในแง่ดีก็จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคแข็ง แรงขึ้น เพราะผู้ที่ใช้ร่างกายและจิตใจจนอ่อนล้า จะทำให้ประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันน้อยลง ทำให้ตอบสนองต่อการรุกรานของสิ่งแปลกปลอมได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้เจ็บป่วยได้ง่าย
หากแพ้ฝุ่นไรในบ้าน ก็ควรเปลี่ยนมาใช้ฟูกที่มีลักษณะพิเศษที่ป้องกันฝุ่นไรได้ดี และควรซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ด้วยอุณหภูมิ 60 องศา และนำผ้าที่ซักรีดเรียบร้อยแล้วให้เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า รักษาความสะอาดของบ้านและเฟอร์นิเจอร์ 
-  ปิดหน้าต่างก่อนค่ำ เนื่องจากละอองเกสรของดอกไม้จะฟุ้งกระจายเมื่ออากาศเย็นลง
ทาวาสลีนไว้ในรูจมูก เพื่อดักจับละอองเกสรดอกไม้ไม่ให้เข้าไปในจมูกและเยื่อบุช่องคอ
สระผมทุกเย็น เพราะว่าฝุ่นละอองเกสรดอกไม้ที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้นั้นอาจเกาะติดกับเส้นผม (แต่ควรเป่าผมให้แห้งก่อนนอนทุกครั้ง)
สวมแว่นกันแดดที่ปกปิดดวงตาได้มิดชิด เพื่อไม่ให้ฝุ่นและละอองเกสรดอกไม้เข้าตา
    
การรักษาโรคภูมิแพ้
     ปัจจุบันผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้สามารถรับการฉีดวัคซีนได้โดยการฉีดสารต้อง สงสัยว่าจะเกิดภูมิแพ้เข้าไปในร่างกายผู้ป่วย เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะต่อสารภูมิแพ้นั้น โดยจะเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อยๆและต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสาม ปี ซึ่งผู้ป่วยต้องไปโรงพยาบาลเป็นประจำเพื่อฉีดสารภูมิแพ้เป็นช่วงๆตลอดทั้งปี ผู้ที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนควรเป็นผู้ที่มีอาการน้ำมูกไหลเป็นเวลานานถึง สี่อาทิตย์ติดต่อกัน การรักษาด้วยการฉีดวัคซีนในปัจจุบันนั้น ใช้ได้กับผู้ป่วยที่แพ้ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์ พิษแมลงสัตว์กัดต่อย หรือไรฝุ่น ในอนาคตอาจ มีวัคซีนที่สามารถรักษาอาการภูมิแพ้อย่างอื่นๆอีก เพราะวิวัฒนาการทางการแพทย์มีการค้นคว้าวิจัยกันอยู่เสมอ
  ที่มา : http://transferfactorthai.igetweb.com/index.php?mo=3&art=362111
  

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น